วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ดูแล้วบ่น: "Last Night (2010)"

พลาดหนังเรื่องนี้ไปได้ไงนะ

Last Night (2010)
กำกับโดย Massy Tadjedin
นำแสดงโดย Keira Knightley และ Sam Worthington

เรื่องราวของคู่สามีภรรยาคู่นึงที่ชีวิตรักออกจะดูน่าเบื่อและเรื่อยเปื่อย คืนนึงในงานเลี้ยงสังสรรค์ Joanna (Keira Knightley) ค้นพบว่า Michael (Sam Worthington) สามีของเธอมองเพื่อนร่วมงานสาวของเขาแปลกๆ ทั้งคู่ทะเลาะกันในคืนนั้นก่อนจะจบด้วยความเชื่อใจที่ยังเคลือบแคลงอยู่นิดๆ เช้าวันต่อมา Michael เดินทางไปทำงานต่างเมืองกับเพื่อนร่วมงานคนนั้น ขณะเดียวกัน Joanna ก็เจอกับรักเก่า
เพื่อนร่วมงานสาวแสนยั่ว กับ รักเก่าที่ไฟยังคุกรุ่น จะกลายเป็นทางเลือกแสนยากลำบากของทั้งคู่หรือเปล่า หรือจะช่วยให้ชีวิตรักของพวกเขาดีขึ้น

หนังดราม่าชีวิตรักของคู่แต่งงานที่ฝ่ายนึงคิดว่าแต่งงานเร็วไป อีกฝ่ายก็คิดว่าการแต่งงานจะช่วยเยียวยาพวกเขา
เพิ่งรู้ว่าคู่นี้เคยเจอกันด้วย Keira กับ Sam เล่นดีกันทั้งคู่เลยนะ แม้แต่ตัวรองอย่าง Guillaume Canet รักเก่าของนางเอกที่ไม่มีความคิดเรื่องการผูกมัดแต่ตัวเองทันผูกพันธ์กับเธอเกินกว่าที่คิด
กับ Eva Mendes เพื่อนร่วมงานสาวสุดยั่วที่มีปมปัญหากับชีวิตรักจนไม่คิดจะผูกมัดกับใคร
หนังไม่หวือหวา ไม่เศร้า ไม่หวาน ไม่มีอารมณ์ไม่สุดโต่งอะไรเลยสักอย่าง แต่กลับกระตุ้นเราในทางตรงข้าม

ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์กลายเป็นบาปของคนดู เราจะสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่า backstory ก่อนหน้านี้ของทุกคนคืออะไร แม้หนังจะบอกเรามานิดๆหน่อยๆ สำหรับแต่ละตัวละคร แต่ก็ไม่ได้ "พูด" ออกมาให้ชัดเจนว่า ระหว่างพวกเขานั้นคืออะไร สายตา ท่าทาง การแสดงออกระหว่างคนสองคนแทบจะพูดแทนทุกอย่างอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราจะคิดออกไปในทิศทางที่หนักเบาเท่าใด

น่าจะต้องบอกว่า บทดีมาก การสนทนาเรียบง่ายระหว่างการสังสรรค์ ระหว่างคนสองคน แต่มันมีความรู้สึกบางอย่างอยู่ในบทพูดง่ายๆพวกนั้น มันดึงให้เราคิดว่าเราไม่ได้กำลังดูหนังอยู่ แต่กำลังสอดรู้เรื่องชาวบ้านมากกว่า เวลา 90 นาที ของเรา กับหนึ่งคืนเต็มๆในหนัง มันกดดันเบาๆนะ เราจะลุ้นตลอดเวลาว่า มันจะลงเอยกันยังไง การจะมารวบรัดพบกัน ดื่มเหล้า เข้านอน ปล้ำกัน บราๆ มันคงต้องจบด้วยว่า...แล้วจะแก้ปัญหาตรงนั้นกันยังไง แต่นี่ไม่แก้เลย แค่เล่าให้พวกเราได้เห็นเฉยๆว่ามันลงเอยคืนนั้นกันยังไง

สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่คนดูน่าจะคาดเดาได้ แต่อารมณ์และแรงกดดันระหว่างทางก่อนที่จะได้ลงเอยกันมันช่าง...มีเสน่ห์ในแบบของมัน พูดเลยว่าเกือบเบื่อและทำใจว่าจะดูมาสามสี่วันแล้ว แต่มาสะดุดตรงช่วงนางเอกเจอรักเก่า

คงพูดถึงการตัดสินใจของคนรักกัน หรือการเลือกทางใดทางหนึ่งของชีวิตคู่อย่างนี้ไม่ได้ เพราะเราเองก็ไม่เคยพบเจออะไรเช่นนั้น อาจจะต้องบอกว่ารู้ทุกอย่างจากหนัง ฮ่าๆ

คะแนนเต็ม 10
คงให้ 7 คะแนน เพราะมันเนือยไปหน่อย ยืดเยื้อไปนิด ส่วนตัวไม่ชอบหนังทำนองนี้ แต่โดยรวมก็น่าขบคิดดีนะ

ขอบคุณภาพจาก http://upload.wikimedia.org/wikipedia/id/9/9a/Last_night.jpg

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โลกมนุษย์เงินเดือน

จากหายกันไปนาน ตอนนี้กลับมาแล้ว!!

ตลอดช่วงที่หายไปก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากวิ่งหางานนี่แหละ ทั้งเครียด ทั้งยุ่ง เป็นกังวลอยู่ตลอดเวลา ตื่นเช้ามารอโทรศัพท์จากบริษัทต่างๆแทบจะทุกวัน กลัวพลาดโอกาสสำคัญในชีวิต
แต่จนแล้วจนรอด ก็สามารถเลือกทางเดินในชีวิตต่อได้

ขอประกาศให้โลกรู้ในวันนี้
ว่าเด็กโง่ๆ ที่อ่านหนังสือง่อยๆ ความรู้ภาษาอังกฤษห่วยแตก
เด็กโง่ที่วันๆเอาแต่นอนอ่านการ์ตูน บ้างก็ลุกขึ้นมาเล่นเกม บ้างก็นอนเหม่ออยู่เฉยๆ

เด็กคนนั้น ตอนนี้มีงานมีการทำแล้ว!! *จุดพลุยี่สิบสามชุด*

แน่นอนว่าฉันพัฒนาตัวเองมากกว่าแค่เด็กโง่คนเดิม ไม่งั้นคงไม่มีวันนี้
ทั้งนี้ก็ต้องบอกว่าฉันเป็นคนที่โชคดี ที่ได้งานทำ
ต้องขอขอบคุณอาจารย์ที่มอบโอกาสให้ และพี่ๆที่ทำงานที่รับเด็กคนนี้ทำงาน

ยอมรับว่าวาดฝันไว้นิดหน่อยว่าอยากจะทำงานแบบไหน
เมื่อก่อนมองว่าเป็นพนักงานออฟฟิศนี่คงไม่สนุก คงน่าเบื่อ งานก็น่าจะเดิมๆ ไม่น่าจะเหมาะกับตัวเอง
แต่ในเมื่อเราไม่ได้เป็นคนพิเศษอะไร ไม่ได้มีของดีมากมาย ดังนั้นก็ต้องเริ่มหัดเดินใหม่
มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะได้อะไรดั่งใจ ในเมื่อเราเป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่ได้มีอะไรดีกว่าคนอื่น

ถึงอย่างนั้น พอได้มาเจอกับชีวิตพนักงานออฟฟิศแล้วก็ต้องเปลี่ยนความคิด
มันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น งานที่ได้กลับสนุกและชิลอย่างที่สุด
ที่ชอบที่สุดคือ เริ่มงานสายกลับบ้านดึกนี่แหละ
ออกนอกเมืองไปทำงาน กลับเข้าเมืองเพื่อกลับบ้าน สวนกระแสคนอื่นทั่วไป รถไม่ติดดี แถมยังได้นั่งสบายๆบนรถเมล์ที่ปกติคนแน่นอย่างกับปลากระป๋องเคลื่อนที่

แม้จะเริ่มงานมาได้ไม่เท่าไหร่ (ประมาณอาทิตย์เดียว) แต่ก็พอจะเห็นบรรยากาศในอีกหลายเดือนข้างหน้าแหละนะ ยิ่งเมื่อพฤหัส-ศุกร์ที่แล้วเป็นวันเงินเดือนออก ทุกคนดูมีชีวิตชีวากันดีจัง แม้ว่าจะยังไม่ได้เงินเดือนเพราะเพิ่งเข้ามาทำ แต่ก็มองเห็นอนาคตของตัวเองลางๆแล้วแหละ

เอาละ นี่มันแค่มิติเริ่มต้นของโลกมนุษย์เงินเดือน และพนักงานออฟฟิศเท่านั้น ยังต้องเดินกันอีกยาวไกล
สู้ต่อ มีไรน่าบ่นจะกลับมาเขียนใหม่ =w=