วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

ดูแล้วบ่น: Tusk (2014)

*สปอยแน่นอน*
Tusk (2014)
Ditected by Kevin Smith
Cast: Justin Long, Michael Parks, Haley Joel Osment, Genesis Rodriguez and Johnny Depp

Wallace Bryton นักจัดรายการวิทยุที่เอาคลิปของผู้ชมทางบ้านมาล้อเล่นแบบเสียๆหายๆ เดินทางไปแคนนาดาเพื่อหาเด็กชายในคลิปที่เขาพึ่งล้อไป แต่เขาก็พบว่าเด็กคนนั้นตายไปแล้ว(เพราะขาขาดอย่างในคลิปนั่นแหละ) ด้วยความโมโหที่มาถึงที่แล้วดันไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรกลับไปออกอากาศ เขาจึงอยู่ต่อและหาเรื่องไปใช้ในรายการต่อไป แล้วจดหมายเขียนด้วยลายมือน่าดึงดูดก็สะดุดตาเขา ชายแก่ผ่านประสบกาณ์มาโชคโชนในชีวิตนาม Howard Howe คือเจ้าของจดหมาย
Wallace ไปตามที่อยู่ที่เขาได้รับ และนั่งจิบชาฟังเรื่องเล่าจากชายแก่บนรถเข็น แล้วเรื่องราวชวนสยองก็เริ่มขึ้น Wallace ถูกวางยา เขาตื่นขึ้นมาและพบว่าขาเขาถูกตัด! ทั้งยังพบความจริงที่ว่าชายแก่คนนี้ไม่ได้ไร้พิษสงอย่างที่เห็น แต่ชายแก่ตรงหน้าเขาคือปีศาจร้ายในคราบมนุษย์ ปีศาจที่ลุ่มหลงในตัววอลรัสมากเกินไป และเขาก็ตั้งใจจะเปลี่ยนWallace ให้กลายเป็นตัววอลรัส!!

เรื่องย่อนี่จริงๆไม่ใช่เรื่องย่อหรอก มันคือองค์แรกของหนังต่างหาก ฮ่าๆๆๆ
เท่าที่ดูจากฟีดแบกของหนัง เหมือนคนไม่ชอบจะเยอะกว่าชอบนะ แต่เราเป็นหนึ่งในคนที่ชอบว่ะ
ไม่ต้องคิดถึงความเป็นจริง ความเป็นไปได้ แต่คิดซะว่ามันเป็นหนังสยองขวัญ(เกือบแหวะ) ที่แบบ...เหตุผลมันไม่ต้องหาอะไรเยอะหรอก ก็หนังน่ะนะ

ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นหนังสยองขวัญแนวฆาตกรต่อเนื่องที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมาเลย!!! (ก็เว่อร์ไป...แต่อะไรคือดีที่สุดสำหรับฉันล่ะ?)
แถมยังตลกร้ายแบบขำเสร็จแล้วก็ต้องยิ้มแหยๆกับความดาร์คของมัน อย่างตอนที่Wallaceตอนเป็นวอลรัส สู้กับHowardในชุดวอลรัส คือมันขำนะ ตลกแบบต้องขมวดคิ้วอ่ะ คือไอ้แก่นี่มันบ้าาาาาา
(แต่ฮาสุดเห็นจะเป็นเฮียDeppนี่แหละ อันนี้ฮาจริง)

ที่สะใจกว่านั้นคือ มันเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่พีคมาก หาเหตุผลในความเพี้ยนของมันแทบจะไม่ได้ เรื่องที่มันเล่าในอดีตจริงหรือมันเพี้ยนไปเองก็ไม่รู้(ถ้าจะเข้าข้างหนังหน่อยก็คงจะจริง)
แถมยังเห็นขั้นตอน(ที่เกือบจะละเอียดยิบ) ในการเปลี่ยนพระเอกให้กลายเป็นวอลรัส (ขรรมตอนป๋าDeppบอกว่าเอาแขนเย็บติดกับตัวอย่างกับ tiny arm of T-Rex ฮ่าาๆๆๆๆ)

ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ :
นอกจากความโหดร้ายของฆาตกรจิตเสื่อมแล้ว หนังยังเล่นกับความจริงที่ว่า มนุษย์นี่แหละคือสิ่งชั่วร้าย
(หนังมันจะเล่นงั้นจริงเปล่าก็ไม่รู้นะ /ยักไหล่)
ที่แน่ๆ มันชั่วมาตัั้งแต่รูปแบบการจัดรายการของพระเอกกับเพื่อนมันแล้ว เอาคลิปชาวบ้านมาล้อ หัวเราะกันลั่นไมค์
ชั่วต่อเนื่องที่ตัวฆาตกร ผู้โหดร้ายและไม่เห็นมนุษย์เป็นมนุษย์ แต่เห็นเป็นสัตว์และเปลี่ยนพวกเขาเหล่านั้นเป็นสัตว์จริงๆ (บางคนไม่ได้ถูกเปลี่ยนก็ตัดเอาชิ้นส่วนมาทำเป็นชุดวอลรัส...เอิ่ม...)
แต่ที่เลวร้ายที่สุดเห็นจะเป็นความเมตตาปรานีของมนุษย์นี่แหละ การไม่ให้พระเอกถูกฆ่าแล้วจับมันมาขังในส่วนสัตว์ร้าง เพื่อจะได้กลับมาเยี่ยม...นี่แหละโหดร้าย นอกจากจะทรมานเขาแล้วยังทรมานตัวเอง ต้องนึกถึงตลอดเวลา รู้ว่าเขามีตัวตน แต่เขากลับอยู่ในคราบของตัววอลรัสหน้าตาอัปลักษณ์
ถึงจะบอกว่า I Love You ตอนท้าย แต่มันไม่ได้ทำให้เชื่อได้เลยว่านางยังรักพระเอกจริงๆ

อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว หนังสุดยอดในตัวของมันในการเล่าเรื่องอยู่แล้ว นักแสดงทุกคนคือดีงามมาก
แอบตกใจเจ้าหนู The Sixth Sense อย่าง Haley Joel Osment ที่ตัวบวมได้ขนาดนี้ แต่ยังแสดงดีอย่างเคย (แม้บทมันจะไม่เด่นเท่าไหร่ก็เถอะ)

9/10!
ไม่ให้เต็มเพราะมัน...หดหู่น่ะ ตลกร้ายที่หดหู่ ดูเสร็จแล้วรู้สึกกลัวตัววอลรัสขึ้นมาแวบนึงทีเดียว (อันนี้จริงไม่ได้พูดให้ขำ แต่ตอนนี้ความกลัวหายไปแล้ว)

ดูแล้วบ่น: White Bird in a Blizzard (2014)

*สปอย100%*
White Bird in a Blizzard (2014)
Directed by Gregg Araki
Cast: Shailene Woodley, Eva Green and Christopher Meloni

เรื่องราวของสาววัยรุ่นนางหนึ่ง Kat Connor ...แม่ของเธอหายไปตอนที่เธออายุ17 แม้จะแจ้งความ สืบหา และรอเวลาแม่ของเธอก็ไม่กลับมา ด้วยสภาพจิตใจที่แปรปรวนและดูไม่ปกติของ Eve Connor ผู้เป็นแม่ ทำให้ไม่มีใครสงสัยอะไรกับการหายไปของเธอ ชีวิตของทุกคนก็ดำเนินต่อไปตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ก็แค่ผู้หญิงสติไม่ดีหายไป)
แม้จะทำเหมือนไม่สนใจ แต่ Kat ก็ไม่สามารถหยุดคิดเรื่องแม่ของเธอได้ เธอกลับมาเยี่ยมบ้านเกิดหลังจากไปใช้ชีวิตมหาลัยในเบิร์กลีย์ และการกลับมาเยี่ยมบ้านคราวนี้ ก็เป็นคราวเดียวกับที่เรื่องราวทั้งหมดได้ถูกเปิดเผย

เรื่องราวไม่ได้มีอะไรเลยจริงๆนอกจาก แม่หายไป ชีวิตของสาววัยรุ่นคนนี้ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
แต่จะบอกว่า...ชอบบบบบบบบบบ นะ ชอบมาก โดยเฉพาะฉากจบ ทวิสเรื่องราวได้แบบขำก๊าก
(ฉากสุดท้ายที่ Eva Green ขำ นั่นแหละ โมเม้นเดียวกันเลยที่หลุดขำออกมาแบบบ้าคลั่งมาก)

เป็น ดราม่า-ทริลเลอร์ ที่แบบ...เรียบง่ายแต่มีพลังสุดๆ
พลังในเชิงของการติดตามการเติบโตทางใจของเด็กสาวคนนึงน่ะนะ
ปมเรื่องที่โปรยไว้ในใบปิด หรือทีเซอร์ หรืออะไรก็ตามแต่ คือมันดูเป็นหนังฆาตกรรมลึกลับน่าฉงน ที่แบบ...ต้องสืบให้เจอว่าแม่มันหายไปไหน!!

แต่เปล่าเลย ไม่มีการสืบ ไขคดี หาคนร้าย หาเหตุผล ไม่มีสักอย่าง
ไม่มีในความหมายคือ ถ้าเป็นทริลเลอร์เรื่องอื่นๆคงพาเราไปกับบรรดานักสืบตัวเก่งทั้งหลายว่าคดีนี้มันเป็นไงกันแน่นะ แต่นี่กลับเผยให้เห็นแต่ข้อสงสัยที่ดูน่าจะเป็นไปได้ต่างๆนาๆ ปล่อยให้เดากันไป~
ตลอดเรื่องจึงมีแต่ข้อสงสัยที่เราได้แต่เก็บไว้รอให้หนังมันสรุปจบของมันเอง (กลัวๆอยู่เหมือนกันตอนใกล้จะจบว่ามันจะเฉลยมั้ย ถ้าปล่อยให้นั่งเอ๋อดูKatขึ้นเครื่องบินกลับเบิร์กลีย์ไปนี่มีลั่น /ตบโต๊ะออกไปหาไรกินแก้เซงทันใด)

ที่ชอบบบบบบบ ที่สุดเห็นจะเป็นแม่นาง Shailene Woodley นี่แหละ
ปลื้มนางเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว พอดูเรื่องนี้ยิ่งพีค จะบอกว่าแสดงเก่งก็ใช่ล่ะ แน่นอน นางเก่ง
ส่วนเจ๊ Eva Green นี่ก็เหมือนเดิม เล่นแต่บ้าๆเพี้ยนๆจ้องตาขวางหัวฟูขอบตาดำเสมอ (เห็นนางสวยก็ตอนเป็นสาวบอนด์น่ะนะ แต่...ก็ดูไม่เป็นนางอยู่ดี ฮ่าาๆๆ มาดนี่แหละเหมาะแล้ว)
สิ่งที่ขัดตาคือ สาวสองคนนี้ดูไม่สมกับเป็นแม่ลูกกันเลย เวลาเข้าฉากด้วยกันแล้วดู...ไม่รู้สิ มันทำให้เชื่อได้ยากว่าเป็นแม่ลูกกัน
พอถึงคราวที่แม่หายไปแล้ว แล้วKatต้องคร่ำครวญว่าแม่ไม่อยู่แล้ว บราๆฮือๆ
แน่ละมันให้อารมณ์ที่ดี น่าเชื่อว่านางรักแม่(ทั้งที่ตลอดมาแสดงท่าทีว่าไม่รัก) แต่อันนี้มันอยู่ที่ความเก่งกาจในการเป็นนักแสดง รวมถึงบทพูดที่สื่อได้ถึงใจดี (ประมาณว่า ยังไม่เชื่อว่าแม่ตาย เชื่อว่าเดี๋ยวก็ป๊ะกับแม่ในร้านหนังสือหรือหน้าสถานีดับเพลิงเหมือนในหนังดวกๆตามทีวี เชื่อว่าจะได้เจอกันแล้วกอดกัน และพูดประโยคแสนซึ้งระหว่างแม่และลูก /ปาดน้ำตาแปร๊บ)

โดยรวมแล้ว หนังเดินเรื่องสนุกใช่ได้ และดีมากที่มีทวิสตอนจบ นี่แหละที่ทำให้หนังต่างออกไปจากที่คิด ในทางกลับกัน...มันกลับทำให้หนังดูเพี้ยนมาก แทนที่จะเป็นดราม่า-ทริลเลอร์สวยๆ เด็กวัยรุ่นก้าวผ่านการเป็นผู้ใหญ่อย่างสวยงาม แต่ดั๊นนน มีทวิสตอนจบที่ขัดมูดแบบสุดๆ
(อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบคนมอง สำหรับเราถือว่าแจ่มมาก ชอบ*****)

7/10
คือชอบนะ แต่ไม่ได้พีคอะไรมากมาย
แฟนคลับ Shailene Woodley ดูคือดีงาม บทนี้นางสวยยยยฝุดๆ