วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ดูแล้วบ่น: The Conjuring 2 (2016)

*สปอยนะจ๊ะ*
The Conjuring 2 (2016)
Directed by James Wan
Cast: Patrick Wilson, Vera Farming, Madison Wolfe and Frances O'Connor

คู่สามีภรรยาวอร์เรน มือไล่ผีจากภาคที่แล้ว ได้เจอกับภารกิจใหม่ที่ท้าทายและน่ากลัวกว่าเดิมทางตอนเหนือของลอนดอน พวกเขาข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่รังควานครอบครัวของซิงเกิ้ลมัมกับลูกๆทั้งสี่คน สิ่งที่ปีศาจร้ายหมายตาก็คือ เจเน็ต ลูกสาวคนรองของบ้านที่สื่อสารกับพวกมันได้นั่นเอง

เรื่องย่อคร่าวๆก็ประมาณนั้น เหตุประหลาดในบ้านโทรมๆหลังนึงที่อังกฤษคืออีกหนึ่งภารกิจช่วยเหลือผู้คนที่กำลังทุกข์ร้อนของคู่สามีภรรยา เอ็ด และ ลอร์เลน วอร์เรน มือปราบวิญญาณร้ายคนดังที่พวกเราคุ้นเคยจากเรื่องเล่าบนอินเตอร์เน็ตและแน่นอนกับ The Conjuring ภาคแรก ซึ่งเราก็ได้เห็นกันไปแล้วว่าทั้งคู่สามารถทำอะไรได้บ้าง

ด้วยเหตุที่เราคุ้นเคยกับทั้งสองคนดี ดังนั้นก็พอจะเดากันได้แบบไม่ต้องคิดเยอะว่าการที่สองคนนี้ไปปรากฎในบ้านที่ลอนดอนต้องไม่ได้ไปเพื่อสังเกตการณ์เฉยๆแน่ว่าบ้านหลังนี้มีสิ่งผิดปกติจริงหรือเปล่า แต่มันจะต้องมีเหตุบางอย่างที่ร้ายแรงจนสามีภรรยาวอร์เรนต้องยื่นมือเข้าไปช่วย โดยไม่ต้องรอความเห็นจากทางโบสถ์ (อย่างที่พวกเขาอ้างเสมอ และจะว่าไปก็อย่างที่หนังทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการไล่ผีอ้างนั่นแหละ ซึ่งบางเรื่องก็อ้างระดับศาสนจักรกันเลยทีเดียว)

ตอนแรกก็คิดๆอยู่ว่าหนังคงจะเดาได้และน่าเบื่อ เพราะอย่างน้อยเราก็คุ้นเคยกับฝีมือการกำกับของ เจมส์ วาน พอควร แถมเรื่องแนวๆไล่ผีก็เจอบ่อยแล้ว (จริงๆคือดูทุกเรื่องที่มีออกมาไม่ว่ามันจะดูเกรดบีแค่ไหนก็ตาม ฮ่าๆๆ)

แต่ที่เหลือเชื่อคือหนังไม่น่าเบื่อเลย แถมจังหวะยังชวนลุ้นตลอดเวลา โชคดีที่พี่วานแกไม่นิยม Jump Scare (หรือที่เรียกกันแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ ผีตุ้งแช่ แบบที่หลอกให้ตกใจด้วยภาพและเสียงนั่นแหละ) เพราะงั้นแต่ละฉากที่ลุ้นจนต้องยกเสื้อกันหนาวขึ้นมาปิดครึ่งหน้า (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะปิดทำไม ไม่ได้ช่วยเลย) มันไม่มีสักฉากที่ทำให้สะดุ้งตกใจ  (กราบพี่วานงามๆ) แต่มันกลับหลอนจนต้องหรี่ตาดูพลางคิดในใจ "เกือบเล่นกูแล้ววว" แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรและกลับเข้าเรื่องราวได้ดี
คือถ้าสะดุ้งตกใจ อารมณ์จะตามเรื่องต่อบางทีก็แบบสะดุ้งหายไปด้วย (อิดวกกก จะหลอกกันทำไม งี้)

แต่ยอมรับว่าฉากหลอนๆคือแม่งหลอนมาก โดยเฉพาะฉากรถของเล่น ฉากเพลงคริสมาส(คิดดูว่าผีปีศาจหลอกด้วยการเปิดเพลงคริสมาสมันน่ากลัวขนาดไหน เพลงวัดมันยังเปิดให้ฟังเลยเออ!) และฉากที่เป็นรูปแม่ชี...คือแบบ ใครสั่งใครสอนให้ฝันร้ายแล้ววาดรูปออกมาเหมือนจริงขนาดนี้คะ แล้วใครสอนให้แกแขวนมันไว้หลังประตูมืดๆ!!! (ตกใจยิ่งกว่า jump scare อีก อีบ้า)​ แล้วยังมีน่ามาบอกว่าวาดไม่สวยอีกนะ เอ็ดคะ แนะนำให้แขวนไว้ใกล้หน้าต่างแล้วหาสปอตไลท์มาเสริมด้วยนะ ช่วยเห็นแก่ลูกเมียในบ้านพี่ด้วยค่ะ

อีกอย่างที่รู้สึกชอบมากกว่าภาคก่อนคือการเปลี่ยนให้มันกลายเป็นหนังไล่ผีแบบเต็มตัว ไม่ใช่หนังบ้านหลอกวิญญาณหลอน ที่แบบมีผนังลับ มีโพรงใต้บ้านอย่างเรื่องที่แล้ว แถมยังเน้นพวกเทคนิคหลอกหลอนในบ้านอะไรประมาณนั้น แต่เรื่องนี้เน้นให้เห็นมากกว่าว่าเด็กถูกสิงนะ เสียงเปลี่ยน หน้าเปลี่ยน มีภาพหลอนที่คนทั้งบ้าน และเพื่อนบ้าน และตำรวจ ก็เห็นเหมือนกันหมด
พูดง่ายๆคือมันให้อารมณ์คล้ายๆกับ The Exorcist ขึ้นมานิดนึง แต่แบบฮาร์ดคอร์กว่าเรื่องวิธีการหลอกหลอนคนในบ้าน และไม่ได้มีบรรยากาศคลาสสิกขนาด The Exorcist ที่เป็นบาทหลวงมาไล่ผีปีศาจจริงๆนั่นเอง

อีกอย่างที่ชอบ (หลายอย่างจริงวุ้ย) คือบรรยากาศมุ้งมิ้งอบอุ่นแบบครอบครัว ทั้งจากครอบครัววอร์เรน และครอบครัวฮอดจ์สัน ซึ่งมันให้อารมณ์ปลอบใจที่ดีว่า ระหว่างสู้กับสิ่งร้ายๆพวกเขาก็เก็บเกี่ยวความสุขได้จากกันและกันในครอบครัว รวมถึงโมเม้นหลังจากที่เรื่องบ้าๆมันผ่านไปแล้ว หนังทำให้เราอุ่นใจกับภาพที่พวกเขากลับไปมีชีวิตแสนสุขอีกครั้งได้ ซึ่งหนังไล่ผีเรื่องอื่นๆส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทำให้เห็นภาพตรงนี้ ส่วนใหญ่ไล่ผีเสร็จก็จบ
มันก็มีข้อดีต่างกันไป ให้เห็นภาพก็ชวนอมยิ้มดี ไม่เห็นและตัดจบไปหลังจากภารกิจไล่ผีเสร็จก็ดีตรงที่อย่างน้อยก็รู้ว่ามันจบด้วยดี (แต่อีนี่คือโรคจิตอ่ะ อยากรู้ว่าแล้วพวกเขากลับไปใช้ชีวิตปกติได้มั้ยงี้)

รวมๆแล้ว
หนังทำหน้าที่เป็นหนังภาคต่อที่ดี จังหวะเจ๋งมาก ไม่หลอกให้กลัวแต่สร้างบรรยากาศชวนหลอนได้ดีสุดๆ
รอบนี้ดูจะมีลูกเล่นอย่าง Long-Take มากกว่าเดิม มีลูกเล่นอย่างการมองสลับไปมา ซึ่งให้อารมณ์แบบ "เมื่อไหร่แกจะหยุดหันไปหันมาซะที! กลัววว" แต่ก็ไม่มีอะไรโผล่มาตุ้งแช่ใส่นะ (อันนี้ไม่แน่ใจว่าภาคแรกหรือหนังเรื่องอื่นๆของพี่วานแกมีมั้ย จำไม่ได้ ถ้าผิดก็ขออภัย)
บทดี เพลงเพราะ(มาก)

สำหรับหนังหลอนที่สนุกเรื่องนี้ก็...
9/10 นะ

**คิดเรื่อยเปื่อย**
ในหนังจะใช้เพลง Cant' Help Falling In Love ของ Elvis Presley จนติดหู ร้องไปตลอดทางขี่รถกลับบ้าน (กลางฝนด้วย ได้ฟีลชะมัด ปากนี่สั่นเลย)
คือเพลงเหมาะมากกับคู่สามีภรรยาวอร์เรน แต่มาคิดๆดู ท่อนที่ร้องว่า
Take my hand...Take my whole life, too...For I can't help falling in love with you
ตามความหมายของเพลงก็ใช่แหละ ซึ้งดี
แต่คิดในแง่ของหนังไล่ผี (ขอเตือนว่าคิดเรื่อยเปื่อยจริงๆ ไร้ตรรกะไร้สาระมาก)
Take my hand = ปีศาจเชิญชวนให้จับมือ (เด็กหรือใครก็ตามที่สัมผัสมันได้)
Take my whole life, too = เมื่อสัมผัสกับปีศาจได้ มันสามารถเอาทั้งชีวิตคุณไปได้เลย (ฆ่าให้ตายนั่นเอง)
For I can't help falling in love with you = ช่วยไม่ได้ที่ปีศาจจะหลงคุณ (มันจะหลงอะไรขนาดอยากจะพรากชีวิตเด็กไปกับมันล่ะ)

บอกแล้วคิดเรื่อยเปื่อยจริงๆ สมองตูคิดบ้าอะไรเนี่ย