วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ดูแล้วบ่น: Hector and the Search for Happiness (2014)

*สปอยหนักมาก*
Hector and the Search for Happiness (2014)
Directed by Peter Chelsom
Cast: Simon Pegg, Rosamund Pike, Stellan Skarsgard, Jean Reno, Toni Collette and Christopher Plummer

หนังสร้างจากนิยายในชื่อเดียวกันของ François Lelord นักเขียนชาวฝรั่งเศสที่เป็นจิตแพทย์ตัวจริง

เรื่องราวของ เฮคเตอร์ จิตแพทย์นิสัยแปลกที่ชีวิตดำเนินไปแบบเรื่อยเปื่อยแสนน่าเบื่อไร้รสชาติ สิ่งเดียวที่ทำให้เขาดูจะมีความสุขคือแฟนสาวคนสวย คลาร่า แต่มันก็ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริงที่เขาค้นหา แถมคนไข้เขาแต่ละคนยังไม่ได้ช่วยเติมเต็มช่องว่างในใจของเขาเรื่องความสุขได้สักคน
ท้ายที่สุดเฮคเตอร์ก็ตัดสินใจเก็บกระเป๋าและออกเดินทาง โดยอ้างว่าจะไปหาข้อมูลทำวิจัย เพื่อหาว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร สิ่งใดที่ทำให้ผู้คนมีความสุขบ้าง เผื่อว่าเขาจะกลับมาช่วยรักษาคนไข้ของเขาได้ หรือบางทีอาจช่วยเติมเต็มความสงสัยในตัวเขาเอง

สองวันมานี้เป็นอะไรนะ เปิดแต่หนังหาความสุขในชีวิต ที่แสดงนำโดยนักแสดงตลกแต่หนังดันไม่ได้ตลกอย่างผลงานเรื่องอื่นๆของพวกเขา
Simon Pegg เรื่องนี้ห่างไกลจากพวก Shaun of the Dead หรือ Hot Fuzz แบบลิบลับ ยังติดตลกอยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่จะน่ารักมุ้งมิ้งเสียมากกว่า แถมยังมีโมเม้นเครียดจัดที่แสดงได้ดีไม่แพ้บทตลกเลยทีเดียว
แถม Simon กับ Rosamund Pike ยังเคมีเข้ากันแบบน่ารักสุดๆไปเลย!
สองคนนี้เคยเจอกันมาแล้วใน The World's End (2013) หนึ่งในหนังตลกแบบเซตของเฮียแกน่ะเอง
ขำขันเบาๆกับการเอา Jean Reno มาเล่นเป็นมาเฟียค้ายา อันนี้จัดว่าเป็นมุขที่ฮานะ แลดูอยู่ผิดที่ผิดทางในหนังแนวนี้ แต่ก็ออกมาน่ารักทีเดียว

ใครชอบหนังแนวๆท่องโลกหาความสุข หาความหมายของชีวิต เรื่องนี้น่าจะดีทีเดียว
มันไม่แอดเวนเจอร์มาก แต่บทพูดแต่ละไลน์คือดีเลิศ เป็นการจำกัดความคำว่า ความสุข ในบริบทต่างๆ ของผู้คนมากหน้าหลายตา ตั้งแต่ชาวบ้านในแอฟริกา คุณตัว นักธุรกิจ พ่อค้ายา คนป่วย ไปจนถึงคุณแม่ลูกสาม
แน่นอนว่าภาพสวย เล่าเรื่องเก๋ไก๋ ที่สำคัญคือโน้ตของเฮคเตอร์วาดสวยมาก เพลงเพราะอีกต่างหาก ครบเครื่องหนังแนวนี้เลยทีเดียว
ซีนแฮปปี้ก็สดใส ซีนดราม่าก็เล่นเอาซะเกือบน้ำตาร่วง(แต่ไม่ร่วงนะ ยังๆ)

ไม่อยากเปรียบเทียบกับ The Secret Life of Walter Mitty (2013) หรอกนะ แต่หนังคือแนวๆนั้นเลย
ส่วนตัวคิดว่า บุคลิกตัวละครดีกว่า ดูเรียลกว่า และที่สำคัญ Simon Pegg ทำได้ดีกว่า Ben Stiller (เน้นว่าความคิดส่วนตัว ใครสาวกเฮียเบนก็ขออภัย) แต่ Walter Mitty ยังติดอยู่อย่างนึงตรงมันแฟนซีไปนิด ตัวเอกดูบื้อๆไปหน่อย ในขณะที่เรื่องนี้ตัวละครคือดีงามสมจริงเรียลไลฟ์สุดๆ

เฮคเตอร์ใช้วิธีถามคนที่เขาพบเจอไปเรื่อยๆว่า
คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีความสุขมั้ย? อะไรคือความสุขของคุณ?
และทั้งหมดคือ นิยามความสุขที่เฮคเตอร์จดไว้ในโน้ตเล่มน้อยๆมี23ข้อ
(ในหนังสือ หนังไม่ได้หยิบมาหมดหรอก เท่าที่เห็นก็ประมาณ10กว่าข้อ แต่มันทำทั้ง23ข้อให้อยู่ในเรื่องหมดแล้วแหละ)

Hector’s list of happiness << เอ้า ตามลิงค์นี้ไปเล๊ย

แต่ละข้อก็แล้วแต่เลยว่าใครจะสนใจทำตาม ที่แน่ๆถ้าทำได้หมดทุกข้อคงพูดได้ว่า
"ฉันคือคนที่มีความสุข" น่าสนใจนะว่า แต่ละคนก็มีนิยามความสุขไม่เหมือนกัน
แต่รวมๆหลักแล้วๆ ประโยคสุดท้ายที่เฮคเตอร์พูดกับพระแก่ๆว่า
"We all have an obligation to be happy." คือทั้ง23ข้อรวมกัน (ไม่อยากแปลกลัวผิดความหมาย)

เป็นเราเลือกคิดแค่ครึ่งนึงของลิสทั้งหมดนั้นก็น่าจะมีความสุขแล้ว
ไม่ต้องเดินทางไปรอบโลกก็น่าจะหาเจอนะ :)

สำหรับหนังที่จะกลายเป็นหนังในดวงใจขนาดนี้...
เอาไปเถอะ 10/10
บทดี แท็กไลน์เจ๋งๆกินใจเยอะมาก ภาพสวย เพลงเพราะ ซีนอารมณ์ดีงาม
เป็นหนังที่ดูแล้วได้อะไรในชีวิตมากกว่าที่คิดทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น