วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557

แบงค์500 หมดไปภายใน6ชั่วโมงกับห้างห้างเดียว

วันนี้เป็นวันหยุดก็จริง แต่ดันมีงานด่วนแสนร้อนจี้ก้นอยู่

ก็เลยต้องเรียกเพื่อนออกไปทำงานกันข้างนอก (มหาลัยปิดเข้าไปใช้ไม่ได้ แย่ตรงนี้)

และในเมื่อ บ้านฉันอยู่ในเมือง แต่เพื่อนอยู่หอที่รังสิตกันหมด ดังนั้นสถานที่ที่สะดวกจะเจอกันมากที่สุดก็คือ...

ในเมือง

แน่นอนว่า "ในเมือง" ที่แรกที่คิดได้คือสยาม ห้างเซ็นทรัล ที่ใดก็ได้ที่สะดวกจะไปกันที่สุด
สุดท้ายแล้วก็เลือก "เซ็นทรัลลาดพร้าว"

ความบังเอิญและความจำเป็น ทำให้ต้องขับรถไปจอดที่ห้างตั้งแต่เที่ยง พอเห็นค่าจอดรถก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆว่าต้องโดนไปเต็มๆอย่างหน้าตบหัวตัวเองที่เอ๋อเสร่อ เอารถมาจอดที่นี่

เอาเถอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาแล้วนี่ จะวนรถออกไปจอดที่รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีประจำก็ใช่ที่ เอาว่ะเท่าไหร่เท่ากัน

ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย กะว่าแค่ทำงานแล้วก็กินอะไรง่อยๆ เลยพกมาแค่ 500บาท กับแบงค์ย่อยประมาณ160บาท ก็ราวๆนั้นแหละนะ
(ตอนแรกไม่ได้คิดถึงเรื่องการใช้รถและค่าจอดรถ)
ตะหงิดใจอยู่เหมือนกันว่าควรจะหยิบมามากกว่านี้ แต่ถือซะว่า หยิบมาแล้ว ประหยัดเอาละกัน พยายามจะไม่ซื้ออะไรสิ้นเปลือง
**แจกแจงก่อนว่า ก่อนออกจากบ้านแวะซื้ออาหารมื้อแรกไปแล้วที่เซเว่น หมดไป 60บาท**

โอเค มาถึงปุ๊บ!! หาที่นั่งรอเพื่อนหลังจากเดินวนรอบห้างสำรวจร้านค้าต่างๆเรียบร้อย
(วินโด้ช็อปปิ้งไปก่อน ไม่ได้มาบ่อยๆ สำรวจซะหน่อยว่ามันมีอะไรยังไงบ้าง)

พอเพื่อนๆมา ก็หาร้านกาแฟนั่งทำงานกันก่อนเลย << ทำไมต้องร้านกาแฟ
1. อีนี่และเพื่อนอยากหากาแฟกิน
2. ร้านกาแฟดูเป็นฟิลที่ควรจะหอบงานมาทำ ไม่ใช่ร้านอาหารหรือศูนย์อาหาร ที่ผู้คนวุ่นวายและฟิลไม่ให้ (พูดง่ายๆว่ากระแดะจะทำงานในร้านกาแฟ)
สุดท้ายก็ลงเอยที่ สตาร์บัค ค่ะ (อะไรนะ? จะประหยัดหรอ?) เสียค่ากาแฟแสนแพงไป 120 หรือ 135 นี่แหละ ไม่ได้สนใจยื่นแตกไปเลย แบงค์ 500 (ทำเหมือนรวยมาก...ถุ้ย)

นั่งสตาร์บัคกันร่วม 2ชั่วโมงโดยประมาณ งานเสร็จก็รีบเผ่นอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่กลัวเขาไล่ หรือเกรงใจใครแต่อย่างใด แต่หิวข้าวมาก ณ จุดนี้

ระหว่างช่วงเวลานี้ ก็แวะดูเคสมือถือ ซื้อผ้าเช็ดหน้ากันไปอยู่พักใหญ่ << ฉันได้ผ้าเช็ดหน้ามา 3ผืน100 (เสียเงินไปอีกอย่างละนะ)

การมากับเพื่อนฝูงแบบนี้ มักจะไม่สามารถหาจุดหมายในการไปร้านอาหารได้แน่ชัด ไม่เคยกำหนดพิกัดกันได้เลยว่าพวกเราจะกินอะไรกันวันนี้ ดังนั้นการเดินเลือกหาร้านอาหารจึงเป็นเรื่องที่ทำกันประจำ
(และเชื่อว่าเป็นเช่นนี้กันทุกคน)
ปัจจัยในการเลือกร้านมีเพียงประเด็นเดียวคือ ต้องไม่เกินงบมากจนเกินไป

แล้วทุกคนก็มาหยุดอยู่หน้า ฟูจิ...มันก็อยู่ในงบที่พอรับได้น่ะนะ (พยายามปลอบใจตัวเอง)
รอคิว เข้าไปนั่งเลือกเมนูกันได้สักพัก...เกิดอยากจะออกไปกินชาบูชิกันเสียอย่างนั้น เพื่อนนึกได้ลางๆว่ามันอยู่ในช่วงโปร มา4จ่าย3

สุดท้าย...ทุกคนปิดเมนูร้านฟูจิ และลุกเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เนียนๆ ลอยๆ เพราะเปลี่ยนใจกันกระทันหันเสียอย่างนั้น ใครจะงงยังไง ไม่รู้ เดินกันด้วยความหน้ามืดตรงไปหาชาบูชิกันอย่างรวดเร็ว

แค่ป้าย มา4จ่าย3 หน้าร้านก็ทำฉันกับเพื่อนร้องวู๊ว๊ากัน อย่างกับเจอของแจกฟรี ว่าแล้วก็ต่อคิวรอกินกันเรียบร้อย เข้าไปถึงได้นั่งปุ๊บ น้ำซุปยังไม่เสิร์ฟ ทุกคนก็หยิบอาหารมากันเสมือนไม่มีอะไรตกถึงท้องมามากมาสามวันสามคืน

นั่งอยู่ชาบูชิกันเต็มเวลา อย่างใช้สิทธิ์ให้คุ้มค่า ระหว่างออกมาจ่ายตังค์มีโทรศัพท์เข้ามาพอดี ตอนจ่ายเลยยื่นกระเป๋าตังค์ให้เพื่อนไป

เมื่อรู้ว่าต้องเสียเท่าใด สมองก็เร่งประมวลผลอย่างรวดเร็ว ตื่นตัวจากความมึนตอนรับโทรศัพท์ แหวกกระเป๋าเงินดูอย่างรู้ผลอยู่แล้วในใจ...

โอ้นั่นไง...ไม่เหลืออะไรเลยยยยยย (จงเปิดเพลงประกอบ ปราสาททราย - สุรสีห์ อิทธิกุล) <<เว่อร์จริงๆ

ต้องบอกว่าโชคดีอย่างมาก ที่บุพการีมาหาที่ห้าง(นัดเจอกันเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน)
ไม่เช่นนั้นพูดเลย...ว่าไม่มีค่าจอดรถ...
โดนไปตามระเบียบ จอดตั้งแต่เที่ยงยัน6โมงครึ่ง << 190บาท เจ้าค่ะ

สรุป...เงินจำนวน 500บาท กับ 100-200 โดยประมาณที่เป็นแบงค์ย่อย ไม่พอค่ะวันนี้

ถามว่าจะทำให้พอได้มั้ย มันก็ได้แหละ ก็แค่...ไม่ซื้อสตาร์บัค กับ ไม่กินชาบูชิ << ผ้าเช็ดหน้าไม่นับเพราะจำเป็น

แต่ก็ตามใจตัวเอง และปลอบไปอย่างโง่ๆว่า "เอาเถอะ ไม่ได้มาบ่อยๆ ไม่ได้กินดีเกินตัวแบบนี้ทุกวัน"
แล้วก็ถือซะว่า กินแบบแสนจะง่อย ข้าวไข่เจียวจานน้อยๆ30บาท หรือไม่ก็ มาม่าแสนเบสิก วันอื่นทดแทนละกัน

สุดท้ายแล้วก็มานั่งคิด
นี่ขนาดว่ามีแค่ไม่ถึง1000 ยังหมดตัวขนาดนี้โดยที่ทำแวะนั่งแค่2ร้าน(ชาบูชิกับสตาร์บัค) ซื้อผ้าเช็ดหน้า และเสียค่าจอดรถ

แล้วพวกที่มาเดินห้าง ซื้อคริสปี้ครีม กินอาฟเตอร์ยู แวะเข้าร้านแล้วมีถุงหิ้วกลับออกมา หรือแม้กระทั่งพวกล่าของลดราคาในห้าง ที่ไม่รู้ว่ามันลดแล้วหรือไร ทำไมมันยังเกินพัน

พวกเขาเหล่านี้หมดเงินกับการเดินห้างเท่าไหร่หรอ ถ้า 7-8 พัน แล้ว...เงินเดือนพวกเขาเท่าไหร่หรือ
นี่เพิ่งต้นเดือนนี่นา เงินเขาพอสิ้นเดือนหรอ

พอคิดอย่างนั้นแล้วก็ได้แต่พูดกับตัวเองว่า "อื้ม คนไทยนี่รวยเนอะ"
ทุกคนถือสมาร์ทโฟน ทุกคนมีถุงแบรนด์เนม ทุกคนนั่งกินร้านที่ต่อหัวไม่ต่ำกว่า300
ทุกคนขับรถรุ่นใหม่ ทุกคนมีบัตรเครดิต(ที่เป็นวงเงินติดลบหรือเปล่าก็ไม่รู้)

คิดได้อย่างนั้นก็มองตัวเอง...อื้ม เราอยู่ผิดที่ผิดทางสินะ เราควรหมกตัวอยู่แต่บ้านหรือถ้าจะมาก็ได้แต่เดินเล่นแหละ ช่างไม่ใช่ที่ของเราจริงๆ

ว่าแล้วก็นอนเกลือกกลิ้งอยู่บ้านนี่แหละ เฮ้ออออออออออ << ทำข้าวกากๆให้ตัวเองกินต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น