วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ดูแล้วบ่น: Aloha (2015)

*อาจเผลอสปอยบ้าง*
Aloha (2015)
Directed by Cameron Crowe
Cast: Bradley Cooper, Rachel McAdams, Emma Stone, Bill Murray, John Krasinski and Alec Baldwin

เรื่องราวของ Brian Gilcrest(แสดงโดย Bradley Cooper) ทหารอากาศมีชื่อเสียง ผู้ไต่ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของอาชีพในโปรแกรมพิเศษของ US Space ที่โฮโนลูลู ณ ฮาวาย เขาพยายามจุดไฟกับรักเก่า(ซึ่งคือ Rachel McAdams) ที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลาหลายปี ทว่าดันไปตกหลุมรักเข้าอย่างจังกับทหารอากาศท้องถิ่น Allison Ng(แสดงโดย Emma Stone) สาวช่างจ้อที่ถูกมอบหมายให้ทำงานคู่กับ Gilcrest ระหว่างที่เขามาฮาวาย ซึ่งเสี่ยงต่อจุดตกต่ำของอาชีพแบบสุดกู้เมื่อเขาถูกกองทัพอากาศจ้องเล่นงานอยู่

เอาจริงๆเรื่องย่อนี่ไม่แน่ใจว่าถูกหมดใหม่นะ คือเล่าเท่าที่เข้าใจประกอบกับไปเอามาจากที่เว็บ IMDb เขียนไว้ด้วย ถูกผิดอย่างไรขออภัยไว้ก่อนละกันนะ

นี่เป็นหนังที่ทดลองดูแบบ ทำงานไปดูหนังไป เนื่องจากไม่มีเวลาว่างจะนั่งดูนิ่งๆนานๆ ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือที่ไหนก็ตาม (ไม่แม้แต่จะหาเวลาไปดูในโรง) นับเป็นโปรแกรมทดลองใหม่ ที่จะดูว่าฉันสามารถดูหนังรู้เรื่องมั้ย ผลที่ได้คือดูรู้เรื่อง...บ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ฮ่าๆๆๆๆ

ดังนั้น อย่างที่กล่าวไป ผิดพลาดขัดใจสิ่งใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย >/\<

แต่หลักๆแล้ว ด้วยความที่มันเป็นหนังรอม-คอม ดูง่ายสบายสมอง ที่ถ้าไม่เข้าใจ ย้อนกลับไปสักสองสามนาทีก็พอจะเข้าใจ (ย้อนหลายหรอบอยู่) ภาษาไม่ยากมาก (ไม่นับภาษาทางการทหาร ที่แบบ...หื้อ แกพูดอะไรกัน...) สรุปแล้วคือพอจะดูรู้เรื่องและสามารถบ่นได้บ้างฮ่าๆๆ

จริงๆหลักๆที่จะบ่น ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหรอก
จะลองพิสูจน์ดูมากกว่าว่า ดราม่าที่เขาโวยวายจนผู้กำกับ Cameron Crowe ต้องออกมาขอโทษขอโพย ว่าด้วยเรื่องการแคสนักแสดงอเมริกันผิวขาว มาเล่นเป็นชาวฮาวายอเมริกันลูกครึ่งเอเชีย มันเป็นเรื่องที่อภัยให้ไม่ได้อย่างโง้นงี้งั้น อยากจะบอกว่ามันก็มีทั้งดีและไม่ดีนะ จากที่ดูในหนังแล้ว
ข้อไม่ดีคือ: มันไม่ให้ความรู้สึกว่านางเอกเป็นคนฮาวายเลยจริงๆ ไม่สมกับที่นางบอกเลยว่าพ่อนางเป็นลูกฮาวายลูกครึ่งเอเชีย และดูจะอ้างว่าได้เชื้อแม่ที่เป็นสวีเดนมามากกว่า(มีให้เห็นรูปพ่อแม่ด้วย) นอกจากมันจะทำให้คนดูไม่เชื่ออย่างสนิทใจในบทบาทของเธอ (ยิ่งกับใครก็ตามที่รู้ว่าหน้าต่างของคนจริงๆที่ถูกนำมาเป็นคาแร็กเตอร์นั้นหน้าต่างเป็นยังไงน่ะนะ) มันทำให้ดูเหมือนว่า Emma Stone เป็นอเมริกันผิวขาว ที่เติบโตในแถบนี้จนกลายเป็นคนพื้นเมืองเสียมากกว่า
ข้อดีก็คือ: Emma Stone แสดงดี ในบทบาทของเธอ บทอารมณ์ บทรัก บทช่างพูด คือก็สมแล้วที่นางเล่น ดูน่ารักปนน่ารำคาญ และก็สวยในบางอารมณ์​(เวลาใส่เครื่องแบบเท่ๆน่ะนะ)

ถ้าไม่สนดราม่าดังที่กล่าวมา จริงๆเรื่องนี้ก็เป็นหนังรอม-คอม อารมณ์ดีที่ดูจบแล้วก็ฟิลกู๊ดไปอีกแบบ มุกตลกบางมุกก็สมกับความเป็นหนังรักสไตล์นี้ดี ยิ่งมุกที่แค่ความเงียบก็เข้าใจ(ใช้ภาษากายแทนคำพูด) อันนี้คือฮาสุด ยิ่งตอนท้ายที่พระเอกคุยกับสามีของแฟนเก่า(มีซับให้อ่านด้วย)
นอกจากฮาก็มีฉากซึ้งด้วย อันนี้แทรกอยู่ในทุกจังหวะของหนัง เฉพาะโมเม้นระหว่างพระเอก-นางเอก หรือ พระเอกกับครอบครัว ฉันว่าอันนี้ดีงามมาก เป็นจังหวะอารมณ์แทนคำพูดหลายล้านคำ ที่ไม่ต้องหาคำบรรยายหรือไม่ก็ให้อิสระกับคนดูในการคิดคำบรรยายขึ้นมาเอง

อย่างนึงที่ชอบคือ หนังสวยมาก ถ่ายทอดความเป็นฮาวายผ่านฉากหลังได้ดี แสงสีของธรรมชาติ เครื่องแต่งกาย อะไรแบบนั้น ให้อารมณ์ความเป็นฮาวายดี เอาเป็นว่าดูแล้วไม่ตะหงิดใจในส่วนนี้ (เท่าดราม่าเรื่องตัวละครของ Stone น่ะนะ)

นอกเหนือจากที่พูดมานั้น...หนังก็ไม่ค่อยมีอะไรไปจากตัวอย่างที่ยิงไปช่วงโปรโมตหนังเท่าไหร่หรอก จริงๆถ้าเทียบกับงานเก่าของ Cameron Crowe อย่าง Jerry Maguire (1996), Almost Famous (2000) หรือ We Bought a Zoo (2011) คือเรื่องนี้สู้เรื่องที่กล่าวมาไม่ได้สักเรื่อง ความสนุก โมเม้นเจ๋งๆพีคๆ ไม่ค่อยมีอ่ะ...ก็มี แต่ไม่พีคเท่า เอางี้ดีกว่า (ฉากพระเอกกับสามีแฟนเก่าคือเจ๋งอยู่ ชอบมาก)

เอาล่ะ ไม่ได้เขียน "ดูแล้วบ่น" นานแฮะ
รวมๆแล้ว หนังดี เหมาะแก่การดูเรื่อยเปื่อย ฟิลกู๊ด ดูจบแล้วอารมณ์ดี บันเทิง
แต่ไม่สนุกเท่าที่คาดหวัง และไม่พีคมากมายอะไร

เอาไป...
6/10
เรียกได้ว่าผิดหวังนิดหน่อย แต่ให้เกินครึ่งจากเรื่องมุกมองตาก็เข้าใจ ชอบๆ ฮ่าๆๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น