*สปอยนะจ๊ะ*
Swiss Army Man (2016)Directed by Dan Kwan and Daniel Scheinert
Cast: Paul Dano, Daniel Radcliffe and Mary Elizabeth Winstead
เรื่องราวของ แฮงค์ ชายติดเกาะที่กำลังพยายามจะฆ่าตัวตาย แต่แล้วเขาก็ได้เจอกับ แมนนี่ ศพขึ้นอืดที่ลอยมาติดหาดเดียวกัน แฮงค์ค้นพบในทันทีว่าศพลอยอืดตัวนี้มีแก๊สเหลือและทรงพลังพอจะพาเข้ากลับแผ่นดินใหญ่ เขาจึงตัดสินใจใช้ศพแทนเรือในการเอาชีวิตรอด ไม่ช้าหลังขึ้นฝั่งได้สำเร็จ แมนนี่กลับสั่งสัญญาณว่ามีชีวิตขึ้นมาซะงั้น แฮงค์จึงสอนวิธีใช้ชีวิตของมนุษย์ ความรัก ความเหงา การเข้าสังคม และทุกๆอย่างกับแมนนี่ใหม่อีกครั้ง ระหว่างนั้นแฮงค์ก็ค่อยๆค้นพบพลังวิเศษจากแมนนี่ที่เป็นประโยชน์ในการเอาตัวรอดในป่ามากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกที่เห็นตัวอย่างกับเรื่องย่อ แล้วก็เสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมและแย่ขนาดว่าคนเดินออกจากโรงกลางเรื่องจากซันแดนซ์ ก็คิดละ หนังมันต้องมีอะไรดีแน่ๆไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เตือนก่อนว่า นี่ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน บางคนอาจไม่ชอบโดยสิ้นเชิง
แล้วมันก็ดีจริงๆ นี่เป็นหนังศพอืดกลับมีชีวิตที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
คือมันน่าจะจัดอยู่ในประเภทหนังซอมบี้เนอะ แบบศพตายแล้วแต่ยังมีชีวิตงี้
ครึ่งแรกของหนังคือทำงงมาก ความคิดเราสับสนลังเลอยู่ว่า ตกลง แมนนี่ (อิตา แดเนียล เรดคลิฟฟ์ เนี่ยแหละ) มันเป็นศพอืดจริงๆ ที่ แฮงค์ (พอล ดาโน่) มโนเอาเองแล้วก็เชิดมันไปเรื่อยตามความคิดตัวเอง หรือว่า แมนนี่ มันมีความพิเศษพิศดารจริงๆ
ซึ่งท้ายที่สุดเราก็เลือกที่จะเชื่ออย่างหลัง เนื่องจาก...เพราะมันเป็นหนัง ฮ่าๆๆๆ
ไม่ใช่! บ้าหรอ
คือเราเชื่ออย่างหลังเพราะคิดว่า แฮงค์ คงไม่ได้คิดเองเออเองแน่นอน ที่ตัวเองสามารถข้ามฝั่งจากเกาะล้างมายังแผ่นดินใหญ่ได้ (มองในแง่ร้ายจริงๆคือ มันไม่ได้ติดเกาะล้างที่ไหนเลย หนังไม่ได้บอกเรานี่ว่าเกาะนั้นอยู่ส่วนไหน แล้วไหงข้ามฝั่งมาเจอป่าที่ติดกับชุมชนได้ไง)
อีกกรณีนึงคือ แมนนี่ ไล่หมี และแบกแฮงค์ที่บาดเจ็บ ออกมาจากป่าได้ด้วย!
พอมาถึงตรงนี้ก็กังวลล่ะ ว่าหนังจะจบยังไง ซึ่งท้ายที่สุดคือจบดีอย่างที่เราคิดไม่ถึงและชวนยิ้มได้เลย
เรียกง่ายๆว่าหนังทำให้เชื่อได้สนิทใจดีมาก ว่าศพตัวนี้มันมีชีวิตได้จริงๆ ตรงนี้ต้องชมการแสดงของ แดเนียล แล้วก็ พอล ด้วยที่ทำให้เรายืนยันที่จะเชื่อพวกมันได้แม้ว่าตอนใกล้จบจะทำให้ไขว้เขวไปนิดนึง แต่ก็ยังลุ้นให้มันมุ่งไปในทิศทางที่เราคิด
กลับมาที่ประเด็นความสวยงามของหนัง
ท่ามกลางไอเดียบ้าๆ และมุกตลกใต้สะดือที่หนักแน่นไปในเรื่องของการผายลม ที่เป็นทั้งไอเดียดั้งเดิมและแกนหลักของหนังเรื่องนี้
มันมีเรื่องของ ความสัมพันธ์ยังมีเรื่องมิตรภาพระหว่างมนุษย์ ความไว้ใจ ความเหงากับความหมายของความรักที่ไม่จำเป็นต้องเป็นความรักใคร่ และท้ายที่สุดแล้วมนุษย์เราก็ต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งพายามที่เราล้ม
จริงๆแล้วหนังหลายๆเรื่องมันก็พูดถึงแหละ แต่เรื่องนี้มันเน้นได้เป็นอย่างง่ายดาย ด้วยการทำให้เราผูกพันกับตัวละครที่เหลือเพียงสองตัว และฉากธรรมชาติง่ายๆก็ทำหน้าที่ได้ดีในการไม่ดึงความสนใจเราออกจากเรื่องราวของ แฮงค์และแมนนี่
สังเกตดูว่าพอหลุดจากป่ามา เจอชุมชนบ้านเรือน คนดูก็เกิดความลังเลในการเชื่อใจตัวละครแทบจะในทันที
ซึ่งในความสัมพันธ์ของมนุษย์จริงๆ คุณต้องสนิทกับคนคนหนึ่งขนาดไหนกันละที่จะสามารถเล่นมุกบ้าๆพวกนี้ใส่กันได้ แล้วหัวเราะใส่กันอย่างมีความสุข ประมาณว่า "มีไม่กี่คนในโลกหรอกที่คุณสามารถผายลมต่อหน้าเขาได้อย่างหน้าไม่อาย" ขณะเดียวกัน คนแปลกหน้าที่เห็นเพื่อนคู่หนึ่งกำลังเล่นมุกพวกนี้ใส่กัน ก็สามารถเข้าใจได้แบบไม่ติดค้างอะไรว่า "อ้อ ไอ้พวกนี่มันสนิทกันดี" และบางทีก็อาจลืมไปด้วยว่า พฤติกรรมพวกนี้มันควรหรือไม่ควรปฏิบัติในสถานที่ใดบ้าง
อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้เก๋และเพลินมากคือ เพลงประกอบ
แทบทั้งหมดของหนังเป็นเพลงประกอบแบบ อะแคปเปล่า ที่เร้าใจบ้าง คุ้นหูบ้าง(เช่นเพลง Jurassic Park)
ส่วนเพลงเอ็นเครดิตที่ชื่อ A Better Way คือเพราะมาก!!!! ลองหาฟังแล้วจะเข้าใจ มันเข้ากับอารมณ์หนังในช่วที่นิ่งๆแล้วอ่ะ เป็นการปิดฉากที่นุ่มนวลมาก
สรุปแล้ว ดูเผินๆหนังเหมือนไม่มีอะไร ก็เข้าใจแหละกับคนที่บอกว่า "นี่มันหนังบ้าอะไร?!"
แต่ถ้าอารมณ์ดีๆ นั่งดูเพลินๆไม่คิดอะไร มันเก๋มากนะหนังเรื่องนี้
ความเหวอในการใช้งานอย่างรอบด้านของ แมนนี่ ศพขึ้นอืด คือทั้งฮาและแหวะและ...อื้ม นั่นแหละ
ชอบที่มีคำจำกัดความของหนังว่า "นี่คือหนังที่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ มาเล่นเป็น มีดสวิสอาร์มี่สารพัดประโยชน์ ให้กับ Castaway (ทอม)แฮงค์ เพื่อให้เขามีชีวิตรอดต่อไปได้"
คิดไปคิดมาก็จริงว่ะ เชื่อว่าคนทำคงตั้งใจตั้งชื่อคาแร็กเตอร์ "แฮงค์" ด้วยแหละ นี่เหมือนคิดต่อยอดจาก Castaway แบบเพี้ยนๆบ้าๆ แต่ดันเวิร์คด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
สุดท้ายก็
12/10 ละกัน
เดี๋ยว...ให้เกินได้ด้วยหรอ ฮ่าาาา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น