วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ดูแล้วบ่น: Birdman (2014)

*สปอยหนักมาก*
Birdman: Or (The Unexpected Virtue of Ignorance) (2014)
Directed by Alejandro González Iñárritu
Cast: Michael Keaton, Emma Stone, Zach Galifianakis, Edward Norton and Naomi Watts

เรื่องราวของ Riggan นักแสดงตกอับผู้เคยโด่งดังจากบทบาทซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Birdman ที่กำลังพยายามกอบกู้ชื่อเสียงตัวเองอีกครั้งจากการแสดงละครบรอดเวย์ที่เขาดัดแปลงบทและลงมือแสดงเอง แต่การจะกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาต้องต่อกรกับอุปสรรครอบตัวและความเครียดที่กำลังกัดกินจิตใจ

ขำขันเฮฮากันนะจ๊ะ นี่มันหนังตลก จริ๊งจริงงงง
ตลกร้ายแบบที่ขำไม่ออกกันเลยทีเดียว ติดแฟนซีจนเซอร์เรียลแบบอ้าปากค้างอีกต่างหาก
ฉากพีคๆที่จิกกัดพวกหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่คือเยอะซะจนนึกว่าเป็นการCameosของเหล่าฮีโร่ เหมือนที่ลุง Stan Lee แกชอบทำในหนังจักรวาลมาร์เวลทำนองนั้น (แต่มาแค่ชื่องี้) ยิ่งซีนที่มีสไปดี้กับบัมเบอร์บีมานี่คือแบบ...หื้ออออ อะไรน่ะ อะไร๊ ฮ่าๆๆๆ

ต้องชมทุกองค์ประกอบจริงๆ บทดีงามเหนือจะบรรยาย แต่ก็ไม่ยากลำบากในการแยกความจริงออกจากความเซอร์เรียลของมัน เพียงแต่มันเล่นกับความคิดเรานิดนึงว่า เราจะเชื่อสิ่งที่เห็นมั้ย? จะเลือกเชื่อว่าRigganมีพลังพิเศษ? ที่ความจริงมันก็แค่คิดไปเอง?
เพราะยังไงเราคือคนดูที่อยู่ในหัวของRigganนะอย่าลืม เราได้ยินความคิดมัน เราได้เห็นความแฟนซีของมัน เราตายและตื่นพร้อมๆกับRigganเลย
จะว่าไปก็ไม่ต่างกับหนังฮีโร่ทุกวันนี้นะ ตกต่ำและร่วงหล่นได้อย่างมนุษย์ แต่ก็โด่งดังและโบยบินได้มากกว่ามนุษย์คนอื่นๆ

นักแสดงคือเลิศเลออลังการซีนอารมณ์แต่ละคนนี้เจ็บๆคันๆทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวยืนหลังๆอย่าง...
Michael Keaton สมกับการเป็นผู้ท้าชิงรางวัล แม้จะไม่ได้ออสก้าแต่แน่ใจว่าได้ใจทุกคนแน่ๆ ดาราดีๆบทดีๆหลายคนเยอะแยะไปที่พลาดรางวัลใหญ่แต่กลายเป็นขวัญใจคนดู แม้เฮียจะอายุปูนนี้แล้วก็เถอะ (เศร้าแป๊บ)
ส่วนคนอื่นๆอย่าง Emma Stone / Edward Norton / Naomi Watts ไม่ต้องพูดถึงเลย ดีงามแน่นอน ชอบซีนของ Emma กับ Edward นะ เป็นมุมมุ้งมิ้งที่หาแทบจะไม่ได้ในหนังเรื่องนี้
แม้แต่ Zach Galifianakis ก็เจ๋งไม่แพ้ตัวยืนคนอื่นเลย ปกติเกลียดมันมากนะโดยเฉพาะใน Hangover กับ Due Date เนี่ย อย่างไม่ชอบ แต่ในเรื่องนี้ Zach คือแบบ...คนละเรื่องงงงเลยยยย
ดีๆ ชมๆ *ยืนขึ้นปรบมือ*

นอกเหนือทุกสิ่งแล้ว เทคนิคLong-Take คือแบบ...ชวนหลงไหลนะ มันลื่นไหล เคลื่อนไหวแบบไม่น่าเบื่อ พอถึงจังหวะที่จะเบือนหน้าหนีก็มีคนเข้ามารับช่วงต่อเพื่อพาไปยังประเด็นใหม่ที่เกิดขึ้นในโรงละคร
ที่น่าสนใจคือเรื่องของเวลาในหนังเรื่องนี้ไม่มีความสำคัญเลย ทุกอย่างดำเนินไปเสมือนเข็มวินาทีที่เคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ว่าเช้าหรือค่ำ / แสดงจริงหรือซ้อม / รอบพรีวิวหรือรอบเปิดแสดง หนังก็พาเราเข้าไปอยู่ในช่วงเวลานั้นๆไปเสียแล้ว

ส่วนตัวแล้ว
ชอบซีนปะทะอารมณ์ของ Riggan กับ Sam มากกกกกก
ชอบการปิดฉากของ Riggan แบบสุดๆ การยืนปรบมือไม่เคยน่าขนลุกอะไรเท่านี้มาก่อน

จัดไปเลย จัดไปปปปปป
12/10
ไม่ผิดหรอก ให้เกินลิมิตเลยทีเดียว(ชอบเลข12น่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น