วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ดูแล้วบ่น: The Age of Adaline (2015)

*สปอยมั้ย? อาจจะเผลอนะ*
The Age of Adaline (2015)
Directed by Lee Toland Krieger
Cast: Blake Lively, Michiel Huisman, Harrison Ford and Ellen Burstyn

เรื่องราวของ Adaline Bowman หญิงสาวผู้เกิดในช่วงเริ่มต้นของศตวรรษที่20 (นางเกิดปี1908) และเติบโตอย่างสวยงามตามที่หญิงสาวแสนสวยคนนึงควรใช้ชีวิตบนโลกนี้ กระทั่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอในคืนอันหนาวเหน็บ หิมะตกในซานฟรานซิสโกถือเป็นปฏิหาริย์ เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ ความมหัศจรรย์ในคืนนั้นทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล ร่างกายเธอหยุดเติบโต การพัฒนาการตามธรรมชาติหยุดชะงัก และเธอก็ไม่มีวันแก่ไปตามกาลเวลาอีกตลอดไป
ปฏิหาริย์ครั้งนี้แลกมาด้วยความโดดเดี่ยว Adaline ต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆ เปลี่ยนตัวตนทุกๆ10ปี พยายามทำตัวล่องหนและไม่สุงสิงกับใคร ทว่าโชคชะตาก็พาลให้เธอมาพบกับ Ellis หนุ่มมาดเข้มที่เพียงสบตาทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันซะแล้ว เขาคือคนที่ทำให้เธอหยุดวิ่งหนี และพร้อมจะเผชิญกับอะไรก็ตามไปพร้อมกับเขา

เล่าซะยืดยาว ต้นเรื่องล้วนๆ 2-3บรรทัดสุดท้ายขมวดใกล้จบให้ตื่นเต้น ฮ่าๆๆๆ

จริงๆหนังไม่ได้ตื่นเต้นหรอก นี่มันหนังรักโรแมนติกนะ ดราม่าฝุด
แต่คือแบบ สนุกกกกกก ชอบบบบบบบบบบบบบ ดึงให้ดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบแบบไม่เผลอเล่นมือถือหรือเล่นคอม หรือละไปเข้าห้องน้ำ ความหิวขณะนั่งดูก็ทำให้อีนี่พอสไว้แล้ววิ่งไปกินไม่ได้ (เว่อร์ป๊าย)
ความจริงแล้ว อีนี่ชอบแนวหนังหวานนะ ดูมาหมดแทบทุกเรื่องที่เขาพูดถึงและไม่พูดถึงกันละ
(เม้ามอย หลายคนชอบมองแปลกๆด้วยแววตาราวกับเราเป็นตัวประหลาด เวลาบอกว่า ชอบดูหนังหวานแหววกุ๊กกิ๊ก ฟิลกู๊ด สยองขวัญเลือดสาด และดราม่า ...คนละมูดกันเลย ฮ่าๆๆๆ)

ภาพสวย พรอตงาม ความเป็นอมตะสู้กับความสูญเสีย ไม่ดึงให้เราติดกับอดีตมากนักและโฟกัสที่ปัจจุบันของตัวละคร ซึ่งดี ไม่สับสน
นี่เป็นประเด็นที่ชอบอยู่แล้วด้วยมั้ง ชอบคิดเล่นๆว่าถ้าคนที่เรารู้จักแก่ตายไปละเรายังอยู่ ง่ายๆก็คือถ้าเราเกิดเป็นอมตะขึ้นมา มันจะมีประโยชน์อะไรต้องอยู่ต่ออย่างโดดเดี่ยว? คอยดูโลกหมุนวนไปวันๆโดยที่เราไม่สูญสลาย?
ซึ่งหนังเรื่องนี้...เกือบจะตอบโจทย์ละ เกือบละ ...จริงๆคือไม่ได้ตอบโจทย์เลย ฮ่าๆๆๆๆ
แต่อย่างที่บอก นี่มันหนังรัก จบแฮปปี้ มีทางออกแก่ทุกฝ่าย ...ดีงาม ยิ้มค้าง :)
ในคำชม ก็มีข้อแย่อยู่เหมือนกัน คือมันเดาง่ายไปหน่อย ง่ายยยยยไป ง่ายจนแบบ...คิดๆอยู่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น และหวังว่าหนังน่าจะทวิสได้ดีกว่านี้ แต่...เอิ่มโอเค ตามที่คิดเป๊ะเลย ...จ้ะ
ร่ำร้องจะดูด้วยความหวังที่จะได้เห็นบทสรุปที่ต่างไปจากที่คิด สุดท้ายก็...ไม่ แต่ก็โอเค หนังสนุกๆ เล่าเรื่อยๆดูเพลินๆ

อีกอย่างที่เพอร์เฟคมากคือนักแสดง
มีหลายซีนที่ใช้คำพูดอธิบายไม่ได้ และต้องแสดงอารมณ์แบบจัดเต็ม เหมือนหนังดราม่าทั่วไป แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังรักเสียมากกว่า ความแสดงอารมณ์แบบจัดเต็มของมันจึงเบาบางกว่าที่คุ้นเคยกันในหนังดราม่าเยอะ รวมถึงเพลงถึงภาพที่ไม่กดดันเราด้วย
ตัว Blake Lively เด่นจริง แสดงดีมาก งามฝุด เสียอย่างตรงที่ภาพลักษณ์นางคลุมเครือไปหน่อย บางครั้งก็รู้สึกโดดๆ รู้สึกไม่อิน แต่น้อยมากนะ ส่วนใหญ่แล้วคือดี ยิ่งซีนเจอกับลุง Harrison Ford คือเด็ด ลุงแกก็แสดงเยี่ยมยอดตามเคย
ตลก Ellen Burstyn เล่นบทลูกที่แก่กว่าพ่อแม่อีกแล้ว ถ้าจำกันได้ เธอคือ เมิร์ฟ ตอนแก่ใน Interstellar ไง! (เห็นปุ๊บแทบหลุดขำ)

จากที่เห็นรีวิวและการให้คะแนนรวมๆหลายสำนักหลายเว็บ คนไม่ค่อยชอบกันนะ
นี่เดาเอาเองเลยว่า น่าจะกรณีเดียวกับ The Tourist (2010) ที่ป๋าเดปป์แสดงคู่กับขุนแม่โจลี่
คือ ทั้งสองเรื่องมันเป็นหนังรักโรแมนติกชัดๆ แต่ดันชูโรงว่าเป็นหนังแอ็คชั่น-ทริลเลอร์(The Tourist) กับหนังแฟนซีกาลเวลา(The Age of Adaline) คนดูเลยคาดหวังไปคนละแนว พอผิดคาดก็ผิดหวังกันไป พร้อมโปรยคำด่ากันแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ Adaline คือโดนด่าเบากว่าThe Touristมาก อาจจะเพราะประเภทหนังที่ผสมแล้วไม่โดดเกินไป แถมยังคุมโทนอยู่อีกต่างหาก
แต่คือไม่ว่ามันจะผสมแนว หรือโดนด่า ความโรแมนติกของทั้งสองเรื่องคือฉันชอบ ฮ่าๆๆๆๆ

โอเค โดยรวม
8/10
หนังสวย เพลงเพราะ พรอตดี เดาง่ายไปหน่อย นักแสดงดีงามทุกคนจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น